ผลการประเมินธนาคารในปี พ.ศ. 2566 พบว่า มีธนาคาร 9 แห่ง จาก 11 แห่ง ที่ได้คะแนนในหมวดนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารทิสโก้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคาร 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารทิสโก้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้รับคะแนนจากการเปิดเผยรายงานที่สำคัญ ได้แก่ รายได้ กำไร อัตรากำลังพนักงาน เงินอุดหนุนจากรัฐ และเงินภาษีที่จ่ายรัฐ สำหรับกิจการในแต่ละประเทศที่สถาบันเปิดให้บริการ ไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของประเทศทั้งหมด และ/หรือไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 รวมทั้งรายงานครบทุกประเทศที่เปิดให้บริการของรายได้ทั้งหมด และรายงานในทางที่สอดคล้องกับงบการเงินรวม (ข้อ 1,2) นอกจากนี้ ยังมีการปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์รวมในทุกประเทศที่เปิดให้บริการ และรายงานในทางที่สอดคล้องกับงบการเงินรวม (ข้อ 3)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารเกียรตินาคินภัทร เป็นธนาคารเพียงสองแห่งที่ได้คะแนนจากการประกาศว่าธนาคารจะไม่ใช้โครงสร้างทางภาษีที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขจัดหรือลดภาระทางภาษีผ่านการวางแผนหรือโครงสร้างที่ซับซ้อน และไม่ใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สอดคล้องต่อหลักการและเจตนาของกฎหมายภาษีทั้งธุรกรรมในประเทศและต่างประเทศ (ข้อ 5)
ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่าธนาคารไม่ได้รับคำตัดสินทางภาษีที่มีนัยสำคัญใด ๆ จากหน่วยงานกำกับดูแลภาษีในปีที่ผ่านมา (ข้อ 6) อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังไม่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคำตัดสิน ข้อหารือ หรือ ประเด็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของธนาคาร จึงทำให้ได้รับคะแนนบางส่วน
ธนาคารทิสโก้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้คะแนนจากการระบุว่าธนาคารไม่มีบริษัทในเครือ สาขา หรือบริษัทร่วมลงทุนใด ๆ ในเขตอำนาจศาล (jurisdiction) ที่ไม่มีภาษีเงินได้ (ข้อ 7)