ผลการประเมินหมวดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผลการประเมินหมวดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี พ.ศ. 2567 พบว่า ภาพรวมคะแนนในหมวดนี้เพิ่มขึ้นจาก 0.82 คะแนน ในปี พ.ศ.2566 เป็น 1.10 คะแนน ในปี พ.ศ. 2567 (เพิ่มขึ้น 0.28 คะแนน) โดยธนาคารส่วนใหญ่ได้คะแนนจากการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อม (ข้อ 1) โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารทิสโก้ และธนาคารออมสิน ได้คะแนนเต็มในข้อนี้ เนื่องจากการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต และธนาคารเกียรตินาคินภัทร ได้คะแนนบางส่วน เนื่องจากธนาคารเหล่านี้กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารทิสโก้ และธนาคารออมสินจัดทำและเปิดเผยรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อแนะนำของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) เป็นปีแรก (ข้อ 6) (ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย ได้คะแนนในข้อนี้อยู่แล้ว) อย่างไรก็ตาม การจัดทำรายงานดังกล่าวของแต่ละธนาคารยังมีระดับการเปิดเผยข้อมูล ที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เชื่อมโยงกับพอร์ตบางส่วนที่ธนาคารให้การสนับสนุนทางการเงินหรือลงทุน (ข้อ 2) ซึ่งพบการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในรายงานของธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต สำหรับธนาคารกรุงไทย ในปีนี้ไม่พบว่ามีการเปิดเผยข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เชื่อมโยงกับพอร์ตบางส่วนที่ธนาคารให้การสนับสนุนทางการเงินหรือลงทุน จึงทำให้ไม่ได้คะแนน

ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารออมสินมีการกำหนดรายการสินเชื่อที่ธนาคารไม่ประสงค์ให้กู้หรือให้การสนับสนุนทางการเงิน (Exclusion List) สำหรับธุรกิจเหมืองถ่านหิน (ข้อ 7) และโรงไฟฟ้าถ่านหิน (ข้อ 8) (ยกเว้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา) แต่ยังไม่มีธนาคารใดที่กำหนดรายการสินเชื่อที่ธนาคารไม่ประสงค์ให้กู้หรือให้การสนับสนุนทางการเงินครอบคลุมถึงบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจเหมืองถ่าน และโรงไฟฟ้าถ่านหิน

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทยได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นจากจากการมีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน (ข้อ 22) โดยธนาคารกรุงเทพมีสินเชื่อสนับสนุนการลงทุนให้ลูกค้าเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ปั๊มความร้อน และธนาคารกสิกรไทยมีสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตจากการใช้พลังงานหลักจากถ่านหิน มาเป็นการใช้พลังงานสะอาดทดแทน

สำหรับธนาคารที่ได้รับคะแนนลดลงในหมวดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้แก่ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีสาเหตุจากการไม่พบนโยบายรายการสินเชื่อที่ธนาคารไม่ประสงค์ให้กู้หรือให้การสนับสนุนทางการเงิน เช่น รายการสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ (ข้อ 8) และโครงการเกษตรกรรมที่แปลงมาจากพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าพรุ หรือพื้นที่อื่นๆ ที่กักเก็บคาร์บอนในระดับสูง (high-carbon stock) (ข้อ 24) (เป็นข้อที่ธนาคารเคยได้คะแนนในปีก่อน แต่ไม่ได้คะแนนในปีนี้)


 

หมวดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประเมินตามเกณฑ์ประกอบด้วย 28 ข้อดังต่อไปนี้

หัวข้อต่อไปนี้สำคัญสำหรับนโยบายระดับปฏิบัติการของสถาบันการเงิน

1. สถาบันการเงินกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สามารถวัดได้ ซึ่งสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

 

หัวข้อต่อไปนี้สำคัญสำหรับนโยบายเกี่ยวกับการจัดการพอร์ตสินเชื่อและพอร์ตการลงทุนของสถาบันการเงิน

2. สถาบันการเงินเปิดเผยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 2 และ 3 แบบสัมบูรณ์ (absolute) ที่เชื่อมโยงกับพอร์ตบางส่วนที่สถาบันการเงินให้การสนับสนุนทางการเงินหรือลงทุน

3. สถาบันการเงินเปิดเผยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 2 และ 3 แบบสัมบูรณ์ (absolute) ที่เชื่อมโยงกับพอร์ตทั้งหมดที่สถาบันการเงินให้การสนับสนุนทางการเงินหรือลงทุน

4. สำหรับสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ สถาบันการเงินประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ (climate risks) เป็นข้อมูลประกอบการประเมิน

5. สำหรับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ให้การสนับสนุนทางการเงินหรือลงทุน สถาบันการเงินกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่วัดได้แบบสัมบูรณ์ (absolute) และสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

6. สถาบันการเงินวัดและเปิดเผยผลกระทบที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามแนวทางที่แนะนำโดย Task Force on Climate-related Financial Disclosures

 

หัวข้อต่อไปนี้สำคัญสำหรับนโยบายเกี่ยวกับเชื้อเพลิงฟอสซิล ของสถาบันการเงิน

7. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเหมืองถ่านหินชนิดให้ความร้อน (thermal coal) แห่งใหม่

8. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่

9. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีธุรกิจเหมืองถ่านหินชนิดให้ความร้อน (thermal coal) มากกว่าร้อยละ 20 ของกิจกรรมทั้งหมดของบริษัท (เช่น วัดจากรายได้รวม)

10. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหิน มากกว่าร้อยละ 20 ของกิจกรรมทั้งหมดของบริษัท (เช่น วัดจากรายได้รวม)

11. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่ผลิตถ่านหินชนิดให้ความร้อน (thermal coal) มากกว่า 10 ล้านตันต่อปี และ/หรือมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินมากกว่า 5 กิกะวัตต์

12. สถาบันการเงินมีกลยุทธ์การยกเลิกการสนับสนุนถ่านหินที่มีกรอบเวลาชัดเจน และสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

13. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีธุรกิจถ่านหินชนิดให้ความร้อน (thermal coal) และ/หรือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน

14. บริษัทที่มีส่วนร่วมในการสำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ จะไม่ได้รับการลงทุนและการสนับสนุนทางการเงิน

15. สถาบันการเงินมีกลยุทธ์การยกเลิกการสนับสนุนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีกรอบเวลาชัดเจน และสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

16. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีธุรกิจการสกัดน้ำมันจากทรายน้ำมัน (tar sands)

17. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่มีธุรกิจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคิดเป็นรายได้มากกว่าร้อยละ 30 ของรายได้รวมของบริษัท

18. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุน กับบริษัทที่ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

19. สถาบันการเงินไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และไม่ลงทุนอย่างสิ้นเชิง กับบริษัทที่มีธุรกิจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และ/หรือการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

หัวข้อต่อไปนี้สำคัญสำหรับนโยบายเกี่ยวกับบริษัทที่สถาบันการเงินลงทุนหรือให้การสนับสนุนทางการเงิน

20. บริษัทเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 2 และ 3

21. บริษัทลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 2 และ 3 ซึ่งสอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

22. บริษัทเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน

23. บริษัทมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าปฐมภูมิ (zero deforestation of primary forest)

24. สถาบันการเงินจะไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการเกษตรกรรมที่แปลงมาจากพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าพรุ หรือพื้นที่อื่นๆ ที่กักเก็บคาร์บอนในระดับสูง (high-carbon stock)

25. การผลิตวัสดุชีวภาพ (biomaterials) เป็นไปตามหลักการ 12 ข้อ ของ Roundtable on Sustainable Biomaterials (RSB)

26. บริษัทไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการล็อบบี้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม (พยายามส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแล) ที่พุ่งเป้าไปยังการทำให้นโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอ่อนแอลง

27. บริษัทบูรณาการประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไปในนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและนโยบายปฏิบัติการของบริษัท

28. บริษัทใส่หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเงื่อนไขในสัญญาที่ลงนามกับผู้รับเหมาช่วงและคู่ค้า