ผลการประเมินในปี พ.ศ. 2566 พบว่า ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นธนาคาร 4 แห่งที่ได้รับคะแนนในหมวดนี้
ธนาคารกสิกรไทยได้รับคะแนนจากการประกาศว่าค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของธนาคารด้านความยั่งยืนทั้งในการปฏิบัติงานการจัดการและการปฏิบัติการภายใน (ข้อ 8) รวมถึงการลงทุนและการให้บริการทางการเงิน (ข้อ 9) เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเติบโตของเงินสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม และความพึงพอใจของลูกค้า
ธนาคารกรุงไทย ได้รับคะแนนในข้อนโยบายการตั้งเงินโบนัสตั้งอยู่บนการปรับปรุงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติงานการจัดการและการปฏิบัติการภายใน (ข้อ 8) รวมถึงการลงทุนและการให้บริการทางการเงิน (ข้อ 9) ของสถาบันการเงิน จากการกำหนดให้มีตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาค่าตอบแทนของพนักงานทุกระดับ รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เช่น เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อพิพาทแรงงานเป็นศูนย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต ได้รับคะแนนในข้อนโยบายการตั้งเงินโบนัสตั้งอยู่บนการปรับปรุงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติงานการจัดการและการปฏิบัติการภายใน (ข้อ 8) รวมถึงการลงทุนและการให้บริการทางการเงิน (ข้อ 9) ของสถาบันการเงิน จากการกำหนดให้โบนัสของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้บริหารและพนักงานเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานขององค์กรบางส่วนที่ไม่ใช่ตัวชี้วัดทางการเงิน เช่น การให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม การรักษาความสัมพันธ์กับพนักงาน และความยั่งยืนขององค์กร
ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับคะแนนจากการประกาศว่าค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงจะพิจารณารวมตัวชี้วัดนอกเหนือผลประกอบการ อาทิ การเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยผลความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการก้าวสู่เป้าหมายการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) (ข้อ 8)
คะแนนรวมเฉลี่ยในหมวดนี้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการยกเลิกเกณฑ์การประเมินบางข้อที่มีธนาคารเคยได้คะแนนในปีก่อน เช่น เงินโบนัสอย่างน้อยหนึ่งในสามตั้งอยู่กับหลักเกณฑ์ที่ไม่ใช่เกณฑ์ทางการเงิน (ข้อ 6 เดิม) และการไม่ประเมินธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง