ธนาคารไทยปรับตัวรับโลกรวนอย่างไร กรณีศึกษาเปรียบเทียบ: การเปิดเผยข้อมูลของธนาคารไทย ตามข้อเสนอแนะของ TCFD ปี 2567

03 กุมภาพันธ์ 2568

ในยุคที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวน (climate change) ซึ่งทวีความรุนแรงและเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง สถาบันการเงินในฐานะผู้จัดสรรเงินทุนหลักให้กับภาคธุรกิจมีบทบาทที่ขาดไม่ได้ ผ่านการเน้นการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ลดการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจคาร์บอนสูง และสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ ยังไม่นับว่าสถาบันการเงินเองก็เผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศไม่ต่างจากองค์กรอื่นๆ

คณะทำงานมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ได้จัดทำมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสจากภาวะโลกรวนที่ได้รับความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในโลก โดยการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ TCFD จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถนำข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสมาใช้ในการคาดการณ์ผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากภาวะโลกรวน และปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการตัดสินใจด้านการสนับสนุนทางการเงินของสถาบันเงินที่คำนึงถึงภาวะโลกรวน เพื่อปรับตัวและลดความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว

ธนาคารไทยโดยรวมมีความตื่นตัวต่อการประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางการเงินจากภาวะโลกรวน ตามข้อเสนอแนะของ TCFD มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) จึงจัดทำรายงานฉบับนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศของธนาคารไทยตามข้อเสนอแนะของ TCFD ในปัจจุบัน รวมถึงรวบรวมความคิดเห็นทั้งจากธนาคารและหน่วยงานกำกับดูแลในประเด็นความท้าทายและโอกาสจาการเปิดเผยดังกล่าวอีกด้วย

คณะวิจัยประเมินธนาคารไทย 6 แห่ง ที่ได้จัดทำและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับภาวะโลกรวนตามข้อเสนอแนะของ TCFD พบว่า ธนาคารที่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะตามข้อเสนอแนะของ TCFD มากที่สุด คือ ธนาคารไทยธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย 39 ข้อ จากข้อเสนอแนะทั้งหมด 60 ข้อ รองลงมา ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (เปิดเผย 32 ข้อ) ธนาคารทิสโก้ (เปิดเผย 31 ข้อ) ธนาคารทหารไทยธนชาต (เปิดเผย 20 ข้อ) และธนาคารออมสิน (เปิดเผย 14 ข้อ)  

 

ประเด็นการเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ สรุปตามองค์ประกอบตามข้อเสนอแนะ TCFD มีดังนี้

1. การกำกับดูแล (governance)

ธนาคารส่วนใหญ่เปิดเผยกระบวนการและความถี่ของการประชุมเกี่ยวกับประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศในระดับคณะกรรมการธนาคารหรือคณะกรรมการชุดย่อยของธนาคาร โดยระบุเป็นแผนงานให้คณะกรรมการย่อยประชุมติดตามความเสี่ยงด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) รวมถึงความเสี่ยงด้านภาวะโลกรวนเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ความถี่ของการประชุมดังกล่าวแตกต่างกันในแต่ละธนาคาร และมีเพียงบางธนาคารที่ระบุว่นำประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณประจำปี และการจัดทำแผนธุรกิจ

2. กลยุทธ์ (strategy)

ธนาคารทั้ง 6 แห่ง วิเคราะห์ความเสี่ยงจากผลกระทบทางกายภาพ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านจากสภาพภูมิอากาศ เพื่อจัดทำกลยุทธ์เพื่อรับมือผลกระทบด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้น โดยธนาคารส่วนใหญ่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การกำหนดนโยบายสินเชื่อต้องห้ามและกำหนดกลยุทธ์รายอุตสาหกรรมเพื่อควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ธนาคารทั้ง 6 แห่ง เปิดเผยแผนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (low-carbon economy) รวมถึงมีการเปิดเผยเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและอธิบายกิจกรรมหลักที่จะใช้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังไม่มีธนาคารใดที่อธิบายกระบวนการจัดการกลยุทธ์หากสถานการณ์ภาวะโลกรวนเปลี่ยนแปลงไป

3. การบริหารความเสี่ยง (risk management)

ธนาคารส่วนใหญ่เปิดเผยแนวทางในการระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และอธิบายถึงผลกระทบของความเสี่ยงที่ธนาคารคาดว่าจะได้รับ รวมถึงเปิดเผยแนวทางในการรับมือความเสี่ยงแต่ละประเภทตามกรอบเวลาที่ธนาคารกำหนด

4. ตัวชี้วัดและเป้าหมาย (metrics and targets)

ธนาคารทั้ง 6 แห่ง ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 แต่มีเพียง 4 ธนาคารเท่านั้นที่กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในจำนวนนี้ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2573 ขณะที่ธนาคารทิสโก้ และธนาคารออมสิน ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593

นอกจากนี้ ธนาคาร 5 แห่ง ตั้งเป้าหมายการลดหรือจำกัดการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง อาทิ อุตสาหกรรมถ่านหินและโรงไฟฟ้าถ่านหิน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยมี 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารทิสโก้ ที่ระบุว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 ซึ่งครอบคลุมก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยโดยลูกค้าธนาคาร หรือ financed emission

 

ความท้าทายและโอกาสในการทำตามข้อเสนอแนะ TCFD

จากการสัมภาษณ์ผู้แทนจากธนาคาร และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ผู้ให้สัมภาษณ์มองความท้าทายและโอกาสในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ TCFD สรุปได้เป็น 4 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ TCFD ต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก ที่ผ่านมาจึงมีเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ธปท. ได้จัดอบรมเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารต่างๆ พร้อมกำหนดให้ธนาคารวิเคราะห์การทดสอบภาวะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (climate stress-test) เพื่อจัดทำแผนเปลี่ยนผ่านและตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก โดยคาดว่าธนาคารทุกแห่งจะสามารถปฏิบัติตาม TCFD ได้ภายในปี 2568

2. กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารยังเผชิญข้อจำกัดในการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคารจำเป็นต้องรวบรวบข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากลูกค้า ขณะที่กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญของธนาคาร ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความพร้อม ทำให้การจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องทำได้ยาก ธนาคารส่วนใหญ่จึงต้องใช้ค่าแทน (proxies) ในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ หลายฝ่ายเสนอให้จัดทำฐานข้อมูลกลางระดับประเทศแบบเปิด (open data) พร้อมสนับสนุน SMEs ให้พร้อมรับมือกับภาวะโลกร้อนไปพร้อมกัน

3. การบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แนวทางการเปิดเผยข้อมูลมีความสอดคล้องกัน รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การยกระดับการเปิดเผยข้อมูลสู่มาตรฐานสากลที่เข้มข้นขึ้น การเปิดเผยข้อมูลตาม TCFD นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับภาคธนาคารในการเตรียมความพร้อมด้านการเปิดเผยผลกระทบทางการเงินจากภาวะโลกรวนตามมาตรฐาน IFRS S2 ที่มีความเข้มงวดมาก การพัฒนาศักยภาพของภาคธนาคารในการปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่ครอบคลุม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จในระยะยาว