อุตสาหกรรมค้าอาวุธไม่เท่ากับการลงทุนที่ยั่งยืน

05 เมษายน 2565

บทความวิจารณ์จาก Fair Finance สวีเดน
วันที่ 29 มีนาคม 2565

 

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บทบาทของอุตสาหกรรมค้าอาวุธตกเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรงในวงการลงทุนที่ยั่งยืน โดยเฉพาะสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครนที่ขับเคี่ยวกันด้วยการเสริมอาวุธยุทโธปกรณ์ และประเด็นของการถกเถียงวนเวียนมากที่สุดอยู่กับคำถามที่ว่า ทำไมธนาคารในสวีเดนและกองทุนรวมที่ลงทุนบางแห่งจึงไม่ประสงค์ที่จะลงทุนในบริษัทค้าอาวุธด้วยเหตุผลด้านความยั่งยืน 

สิ่งพิมพ์สวีเดนหลายต่อหลายสำนักเขียนวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของธนาคารเหล่านี้ และอุตสาหกรรมค้าอาวุธของสวีเดนเองก็ออกมาเตือนอย่างโจ่งแจ้งว่า การเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านการเสริมอาวุธยุทโธปกรณ์ของประเทศถือเป็นภัยคุกคาม ส่งผลให้ธนาคารใหญ่อย่าง SEB ในสวีเดนเปลี่ยนแปลงนโยบาย และเริ่มลงทุนในบริษัทอาวุธอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับ Söderberg & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านเงินบำนาญ ก็ประกาศว่าจะอนุญาตให้บริษัทที่ค้าอาวุธอยู่ในพอร์ตฟอลิโอที่ลงทุนด้านความยั่งยืนของบริษัทได้

ปัญหาของเรื่องนี้คือ ไม่มีใครพูดถึงเหตุผลหลักๆ ว่า ทำไมอุตสาหกรรมค้าอาวุธเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งเสริมความยั่งยืนเลย มันไม่ใช่แค่เรื่องของการผลิตอาวุธ แต่เพื่อเป้าประสงค์ทางกฎหมายสำหรับประเทศที่ผลิตอาวุธที่ใช้ป้องกันประเทศของตน ตามเงื่อนไขเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติ และอื่นๆ อยู่แล้ว แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ โดยหลักการแล้ว บริษัทค้าอาวุธทั้งหมดส่งออกอาวุธไปยังประเทศที่รัฐบาลใช้อำนาจกดขี่ประชาชน และทำให้เกิดการขัดกันด้วยอาวุธ (armed conflict) รอบโลก นั่นเท่ากับว่าบริษัทกำลังส่งเสริมการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างวิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง บริษัทค้าอาวุธหลายแห่งยังคงดำเนินการผลิตอาวุธต้องห้าม เช่น ระเบิดลูกปรายและอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งอุตสาหกรรมค้าอาวุธยังถูกชักใยผ่านการคอร์รัปชันที่ดำเนินการอยู่ใต้พรมสุดลึก และขยายขอบเขตมากขึ้นจนแทบจะเป็นกฎเกณฑ์มากกว่าข้อยกเว้นแล้วว่า หลังจากผ่านการตกลงธุรกิจการค้าอาวุธใหญ่ๆ ภายในช่วงเวลาไม่กี่ปี ผู้มีสิทธิในการตัดสินใจทั้งหลายจะได้รับสินบนผ่านตัวกลางจากหลากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา นักการเมืองที่ทุจริตจะได้รับสินบนเพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ก่อนจะจัดหาสวัสดิการที่จำเป็นสำหรับประชาชนในประเทศ

ความรู้ความเข้าใจที่ลึกขึ้นของผู้บริโภคและเจ้าของบัญชีเงินฝากชาวสวีเดนที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น กลับเป็นตัวผลักดันให้ธนาคารยุติการลงทุนในบริษัทค้าอาวุธ ผู้บริโภคนับพันๆ คนส่งอีเมลไปเพื่อประท้วงธนาคารหลังจากที่ Fair Finance Guide เปิดเผยว่า บัญชีการลงทุนของธนาคารมีส่วนเชื่อมโยงกับประเด็นการกดขี่และความขัดแย้ง รายงานล่าสุดในปี 2020 ยังเผยด้วยว่า มีธนาคารสวีเดนมากกว่า 1 แห่ง ลงทุนกับบริษัทที่ส่งออกอาวุธมูลค่า 23 พันล้านโครน ให้กับรัฐบาลเผด็จการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามเยเมนที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติเองก็ระบุไว้ว่า สงครามนี้นำไปสู่วิกฤตการณ์สิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ที่สุดของโลก และได้เรียกร้องให้หยุดค้าอาวุธให้กับหน่วยงานใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงคราม

หนึ่งในบริษัทที่ยังคงดำเนินธุรกิจค้าอาวุธให้กับแนวร่วมที่มีซาอุดิอาระเบียเป็นผู้นำในสงครามเยเมนคือ Swedish Saab ที่ขายเรดาร์และระบบการสั่งการรบเพื่อใช้ในสงคราม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสัญชาติสวีเดนไม่ได้มีภูมิคุ้มกันกับประเด็นปัญหานี้เช่นกัน แต่ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลจาก Swedish Peace ปี 2021 ชี้ให้เห็นว่า ร้อยละ 40 ของการส่งออกอาวุธจากบริษัทสวีเดนนั้นส่งให้กับรัฐบาลเผด็จการ

คำถามคือบริษัทค้าอาวุธสามารถถูกจัดประเภทอยู่ในกลุ่มธุรกิจยั่งยืนได้ไหม หากตอบตามทฤษฎีคือได้ ในกระบวนการทบทวนระดับประเทศของ Fair Finance Guide ระบุว่า บริษัทค้าอาวุธไม่ถูกจัดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ยั่งยืนหากพิจารณาตามคำนิยาม แต่บริษัทต้องปฏิบัติตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชน สิทธิแห่งมนุษยธรรมและการทุจริต 15 ข้อที่ได้บัญญัติไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศและบรรทัดฐานต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้บริษัทค้าอาวุธจำนวนน้อยมากที่ปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ธนาคารหลายแห่งเลือกที่จะแยกอุตสาหกรรมนี้ออกไปทั้งหมด

บริษัทค้าอาวุธและนักเขียนจากสื่อสวีเดนจำนวนมาก อ้างว่านโยบายการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบส่งผลให้การเข้าถึงแหล่งทุนของอุตสาหกรรมนี้สั่นคลอน แต่นโยบายของธนาคารเพียงหยุด การลงทุน ในบริษัทเท่านั้น นั่นหมายความว่า การลงทุนของธนาคารห้ามเพียงการลงทุนในหุ้นหรือหุ้นกู้ของบริษัทค้าอาวุธเหล่านั้น แต่ในขณะเดียวกันนั้น ธนาคารก็ยัง ให้เงินทุน กับบริษัทอย่างต่อเนื่องผ่านการปล่อยสินเชื่อและให้บริการทางการเงินอื่นๆ ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนที่แข็งขันมากขึ้นไปอีก ดังนั้นการอ้างว่าธนาคารหยุดสนับสนุนทางการเงินกับอุตสาหกรรมค้าอาวุธแล้ว จึงเป็นข้อสรุปที่ผิด อย่างน้อยที่สุดก็ดูได้จากวิธีการออกแบบนโยบายของธนาคารในยุคนี้

คณะล็อบบี้การค้าอาวุธในยุโรปกำลังล็อบบี้สหภาพยุโรปอย่างหนักเพื่อให้การค้าอาวุธถูกจัดเป็นธุรกิจยั่งยืน โดยการกำหนดนิยามและจัดหมวดหมู่โครงการหรือกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน (Taxonomy) ด้านสังคมที่กำลังจะมาถึงของยุโรป ซึ่งจะไล่เลียงกิจกรรมของบริษัทที่มีส่วนพัฒนาสังคมและสิทธิมนุษยชน นี่คือเรื่องที่น่าขันและจะทำลายวัตถุประสงค์ทั้งหมดของ taxonomy ไปเลย

หากอุตสาหกรรมค้าอาวุธต้องการเริ่มต้นสู่เส้นทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน อันดับแรกที่ต้องทำคือ หยุดโหมไฟให้กับการทุจริต การกดขี่ หรือวิกฤตการณ์สิทธิมนุษยชน ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้โดยกำหนดข้อปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดขึ้นกับบริษัทค้าอาวุธเมื่อธนาคารต้องการที่จะลงทุนหรือปล่อยกู้ ผู้บริโภคและลูกค้าธนาคารชาวสวีเดนจึงจะพึงพอใจ

Jakob König
ผู้ให้คำแนะนำด้านนโยบายการเงินยั่งยืน และหัวหน้าโครงการ Fair Finance Guide สมาคมสิทธิผู้บริโภคแห่งสวีเดน

ที่มา: https://fairfinanceguide.se/